วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

รู้จักแผนการตลาดแบบ Binary

ไบนารี่คืออะไร ?
Binary_Chart_new
ไบนารี่ เป็นแผนการตลาดที่ได้รับ ความนิยมอันดับหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ,ไทย และอีกหลายประเทศ คือแผนที่สร้างรายได้ที่ รวดเร็ว และ ยั่งยืน ในขณะเวลาเดียวกันได้ดีที่สุด เป็นแผนการกระจายรายได้ ให้กับสมาชิกอย่างเท่าเทียมได้มากที่สุด ไม่ใช่ธุรกิจที่สร้างให้คนใดคนหนึ่งรวย เป็นแผนที่เหมาะสำหรับทุกๆ คน และเป็นแผนสุดท้ายที่นักธุรกิจเครือข่ายทุกคนควรเลือก เป็นแผนที่มีการออกแบบให้มีการช่วยเหลือภายในองค์กรได้มากที่สุดและเป็นแผนเป็นการตลาดที่ดูแลองค์กรง่ายที่สุดและทั่วถึงที่สุด เพราะมีแค่สองสาย จึงทำให้แผนการตลาดแบบไบนารี่เป็นที่นิยม และนำมาใช้กับบริษัทขายตรงน้องใหม่ หลายต่อหลายบริษัท ถึงแม้ว่าบริษัทที่เปิดใหม่ทั้งหลายเหล่านั้นจะมุ่งเน้น กอบโกย กำไร อันมหาศาล โดยตอบแทนค่าคอมมิชชั่นให้กับ กลุ่มสมาชิกพียงน้อยนิด แต่ด้วยระบบการแชร์รายได้ และการเกื้อกูลที่ทำให้เกิดการช่วยเหลือในสายงานที่ดี จึงสามารถให้เกือบทุกๆ บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาชิกทุกคนมีรายได้อย่างจริงจัง
ในขณะที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ความคิดคนเราก็เปลี่ยน การทำงานด้วยรูปแบบเดิมๆ อาจจะเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้วสำหรับคนยุคไอที อย่างเราๆ เนื่องจากการติดต่อทางระบบอีเมล หรือ Social Network สามารถกระจายข่าวสารหรือสิ่งที่เราต้องการประชาสัมพันธ์กว่า หมื่น -แสนคน ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่นาที ความสะดวกสบาย และรายจ่ายในการทำการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของท่าน ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนเยอะมากเหมือนกับระบบเก่าๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ 100%

mlm-software


ทำไม ไบนารี่ ทั่วไปถึงเจ้ง ?
      ก็เจอมาเยอะครับ หลายคน ทีเข้ามาบอกว่า ไม่น่าทำหรอก เพราะ “มัน2ขา” “มันเป็นไบนารี” “มันอยู่ไม่นาน” “ธุรกิจดอกไม้ไฟ”
ผมอยากจะถามกลับจริงๆ ว่า ที่ ไบนารี อยู่ไม่นานกัน ตามที่เห็นน่ะ เพราะอะไร มันถึงอยู่ไม่นาน
ก่อนอื่น ผมจะมา วิเคราะห์หาสาเหตุให้ดูก่อนนะครับ ที่ว่า ไบนารี มันจะได้เยอะ แล้วจะอยู่ไม่นาน เป็นเพราะอะไร
ไบนารีั ชื่อก็บอกแล้วครับ ว่า ทำ2 สายงาน
แผนแบบนี้ มันเป็นการพัฒนาให้ทำงานชั้นลึกได้ง่าย เริ่มต้นเร็ว
แต่ สาเหตุ ด้วยความที่มันง่ายนั้น จึงมีการปรับปรุงแผนไปเรื่อย จนเป็นการเอาใจคนทำเครือข่ายมากเกินไป ทำให้ องกรแตกได้ในระยะไม่นานนัก สาเหตุแรกก็คือ

1 บังคับซื้อของพร้อมเปิดรหัส
-แบบนี้มักทำให้ เกิดการบังคับซื้อของทำให้คนแนะนำ ได้เงินเร็ว แต่ คนที่สมัครน่ะจะเกิดการเร่งรัดในตัวเองว่า ต้องรีบหาเงินมาซื้อของ ทำให้ผู้สมัคร รู้สึกว่า ธุรกิจ ไม่ค่อยโปร่งใส

2 ไม่ต้องรักษายอด
- ” ซื้อครั้งแดียวจบ แต่บริํษัท ต้องจ่ายเงินให้ตลอดชีวิต ” แค่นี้ ก็ฟังดูตลกแล้วครับ
ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัท แล้ว มันยุติธรรมกับเรารึเปล่าครับ บริษัทจะเอาผลกำไรที่ไหนมาแบ่งให้สมาชิก เพราะไม่มีกำไรจากการบริโภคสินค้า ผมว่าบริษัทอยู่ได้ไม่นานแล้วก็เจ๋งปิดบริษัทไปเลย 
อีกอย่าง ด้วยตัวแผนแบบนี้ จะทำให้ มียอดเกิดจากคนใหม่เท่านั้น คนเก่าๆ ต้องวิ่ง หาไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้ซักที
บางบริษัท อาจจะบอกว่าถ้าไม่รักษายอด จะได้รายได้เท่านี้ แต่ถ้ารักษายอดจะได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง
ซึ่ง การ ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ คนส่วนมากก็จะไม่รักษายอดครับ แล้วรายได้จากอีกแผนมันจะส่งถึงคนข้างบนได้ยังไง
และ การรักษายอดที่ว่านั้น ก็ไม่ทำให้เกิดคะแนนจากจุดเดิมเพื่อที่จะมาจับคู่ ซึ่งเป็นรายได้หลัก ดังนั้น
จะรักษายอด หรือไม่ ก็ไม่ต่างกันครับ รายได้ไม่เกิดจากคนเก่าอยู่ดี

3 ทำหลายรหัส
-ด้วยความที่ ไม่ต้องรักษายอดนั่นล่ะ ทำให้ ต้องมีการป้องกันการลดน้อยลงของรายได้คนเก่าๆ
เช่น ถ้าเดือนแรก มีคนสมัคร100 คน คนละ 1รหัส คนข้างบนจะได้ เงินหลักแสน แต่ถ้า เดือนต่อมาคนสมัครน้อยลงล่ะเหลือ 80รหัส
แบบ นี้ คนข้างบนจะมีรายได้หลักแสนเหมือนเดิมหรือไม่ แสดงว่า รายได้ จะเป็นแบบ ฟันปลา ซะมากกว่า เมื่อรายได้ ขึ้นๆลงๆ แม่ทีม ก็จะย้ายบริษัทไปทำตัวใหม่ ดังนั้น จึงตั้งเงื่อนไขให้สมัครได้หลายรหัส เพื่อจะเป็นการชดเชยคนที่สมัครน้อยลงในเดือนถัดไป เช่น
สมัครได้4 รหัส (ทำเพิ่มได้ เป็น 3สายงาน) 7รหัส (ทำได้4สายงาน) 21รหัส (ทำได้8สายงาน) ฯลฯ
** ไบนารี ชื่อก็บอกว่า 2 ดันไปทำมากกว่า2 แล้วมัจะเรียกว่าไบนารี ทำไมกัน **
โดยจะเขียนแผนให้ คนรู้สึกว่าตัวเองจะสูญเสียครับ คนถึงจะสมัครหลายรหัส
เช่น สมัคร1 รหัส ได้รายได้ไม่เกิน … ต่อเดือน ถ้าสมัคร 4 รหัส จะมีรายได้แบบนี้ 7รหัส จะมี รายได้เพิ่มเท่านั้นเท่านี้
คนส่วนมาก กลัว ว่าตัวเองจะมักน้อย ก็มักสมัครทีละหลายรหัสล่ะครับ
ผล ก็คือ ทำให้ มีของกองอยู่กับตัวมาก แต่ก็เป็นผลดีกับ แม่ทีม เพราะว่า ถ้าเดือนนี้คนสมัคร 50คน คนละ 7 รหัส ก็มีค่าพอๆกับ คนสมัคร 350คน คนละ 1รหัส ทำให้รายได้เค้าไม่ร่วงลงแน่นอน
ดังนั้น คนจึงเน้นให้สมัครหลายๆรหัส
แต่ข้อเสียก็คือ คนส่วนมากจะสมัครซื้อของที่มี PV สูงๆ เพื่อจะเซฟเงินตัวเองให้มาก เมื่อมีคนทำหลายคน ก็มักจะซื้อของเหมือนๆกัน
ผลก็คือ ไม่นานหรอกครับ ของจะเต็มเมือง เพราะธรรมชาติคน เมื่อลงเงินไปแล้วก็จะเอาของไปขายเอาทุนคืน
เมื่อมีขายมาก ก็จะเริ่มมีการตัดราคากันเกิดขึ้น คนเหล่านี้ไม่สนหรอกครับ เพราะเค้าได้จากในระบบอยู่แล้ว
้เมื่อ มีของขาย ข้างนอกมากๆ ราคาถูกกว่าสมาชิก คนใหม่ๆจะรู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงแ่น่ถ้าจะสมัคร เพราะสมัครแล้ว ไม่รู้จะเอาของไปขายใคร คนส่วนมาก สามารถหาซื้อตามร้านค้าได้ เมื่อนั้น คนสมัครก็จะน้อยลง คราวนี้ แม่ทีมจะเล่นแร่แปรธาตุแบบไหน ยอดก็ร่วงไปแล้วครับ ไม่นาน เค้าก็จะพากันไป หาบริษัทใหม่ แล้วก็โทษว่า สินค้า มีปัญหา

4 ซื้อตำแแหน่งได้
- แบบนี้ก็พัฒนาทีหลังครับ เริ่มใช้ คะแนนในการจับคู่ การซื้อตำแหน่งได้ เป็นการเอาใจ คนที่ทำ แผน สแตรสเต็ป ที่ขึ้นตำแหน่งกันยากๆ
ทำให้ ใครก็ ขึ้นตำแหน่งสูงสุดได้ ถ้ามีเงิน
ใช้หลักการเดียวกัน กับ การทำหลายรหัส คือ จะทำยังไง ให้คนซื้อตำแหน่ง ขึ้นไวๆ โดยใช้เงื่อนไข ข้อจำกัดในการรับรายได้
เช่น ถ้าำตำแหน่ง ซิลเวอร์ ใช้เงินลงทุนหลักพัน จะได้ ไม่เกินวันละ… และได้ค่าแนะนำ 10% แมทชิ่งไม่เกิน10 % 1ชั้น
แต่ถ้า เป็นตำแหน่ง ไดมอน ใช้เงินประมาณ 2-3 หมื่น จะได้สูงสุด วันละ ….. และได้ค่าแนะนำ 20% แมทชิ่ง 20 % 4ชั้น เป็นต้น
แต่ก็ เหมือนข้อ3 ล่ะครับ เมื่อคนมาซื้อตำแหน่งแบบนี้ ก็เท่ากับ การซื้อของในปริมาณมาก
คนส่วนน้อยครับ ที่เอาของไปหมุน แนะนำคนต่อไปเรื่อย เพราะคนส่วนมากจะเอาไปขายครับ ผลของมันก็จะเหมือนข้อ 3
ยิ่ง สินค้ามีคนนิยม มีคนทำมากก็จะเริ่มตัดราคา และทำให้ คนใหม่รู้สึกว่าเสี่ยงมาก ถ้าจะเอาเงินไปลงมากๆแบบนั้น แล้วเค้าจะไปขายที่ไหน
ส่วนการสะสมขึ้นตำแหน่ง ก็เป็นการปรับ ให้ คนทำง่ายขึ้น เริ่มต้นน้อยๆ แต่ก็จะเริ่มยากสำหรับคนใหม่แน่ เพราะถ้าคนทำเยอะ ของวางขายเยอะ แล้วเค้าจะไปขายใครล่ะ? ต่อให้ซื้อใช้เอง ก็จะทำให้เค้าขึ้นตำแหน่งช้า สูญเสียผลประโยชน์แน่นอน
ผลประโยชน์ที่ว่านั้นคือ การล้างคะแนนที่เกินออกมา เพราะ ไบนารี จ่ายเงินเร็วเกินไป ทำให้ต้องมีการล้างรอบ ไม่งั้น จ่ายไม่ไหวแน่
นิสัย คน กลัวการสูญเสียครับ ย่อมเร่งอัพตำแหน่งตัวเองให้เร็วที่สุด

5 ให้สมาชิก เปิดโมบาย
-บริษัท ขายตรงยุคใหม่ๆ มักเปิดกัน ถี่มากๆ ส่วนมาก ก็จะเป็น ประเภท แม่ทีมจากบริษัทอื่นๆ มาหุ้นกัน เปิดบริษัททำเอง
ส่วน มากมักจะหนู้เงินธนาคารมาแล้ว ต้องการทำเงินให้เร็วที่สุด จึงเลือกแผนการตลาดแบบ ไบนารี (จดทะเบียนไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็น ไตรนารี)
ดัง นั้น การที่จะให้ธุรกิจตัวเองกระจายตัวเร็วที่สุด จะได้เงินกลับมาไวๆ ถ้าตัวเองจะเอาเงินไป ทุ่มสร้าง สาขา ตามแต่ละจังหวัด คงกระจายตัวได้ช้า จึงกระจายความเสี่ยงด้วยการให้สมาชิก เปิดโมบาย เพื่อจะเป็น ศูนย์ตาม เมืองต่างๆได้เร็ว
กลายเป็นว่า สมาชิก ต้อง หาร้าน เช่าตึก มาเปิดเป็นศูนย์ และยังต้องลงทุนเป็นแสน เอาของมาสต๊อก เพราะ ได้% จากการขายสินค้าได้
นอกจากนั้น สมาชิกส่วนมาก ยังต้องมานั่งเฝ้า ศูนย์ของตัวเองอีก หรือไม่ก็จ้างคนมาเฝ้า
เมื่อเกิดผลกระทบจากข้อ 3-4 ก็จะทำให้ ยอดแจงสินค้า น้อยลงๆ ของก็จะสต๊อคก็กับตัวเองเป็นแสนครับ คืนของก็ไม่ได้
โมบายเหล่านี้ ก็จะย้ายไปทำตัวใหม่ แล้วเอาของเหล่านี้ ไประบายตัดราคา ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
จาก 5 ข้อ ที่กล่าวมา ทำให้ หมดเงินไปเท่าไหร่ครับ ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายลงทุนน้อยไง ไหนว่า ธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องมีหน้าร้านไง ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องจ้างใครไง แล้วเมื่อไหร่จะมีอิสระภาพด้านเวลา

ผมขอสรุป สั้นว่า
การที่องกรจะล่มสลายและล้มเหลวนั้นก็เพราะ
-ไม่รักษายอด
-ระดมทุน
-สร้างความเสี่ยงให้กับสมาชิก
-การขึ้นตำแหน่งง่ายเกินไป ทำให้ ไม่มีการพัฒนาศักยภาพเท่าที่ควร
-ไม่มีการเรียนรู้เพื่อถ่ายทอด
-ไม่ดูแลคนที่เพิ่งสมัครเข้ามาใหม่ทำให้เขาหมดหวังและกำลังใจ

 

 

ผมขอจบบทความเรื่อง รู้จักแผนการตลาดแบบ Binary เพียงเท่านี้หวังคงทำให้ทุกคนเข้าใจ แล้วติดตามบทความต่อไปของนะครับ
Plan-binary

7 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ

    ตอบลบ
  2. ผมอยากรู้การคำนวนขาแข็งขาอ่อนชั้นลึกลงไปมันกระทบยอดขึ้นมาสายงานชั้นบนยังไงครับผมขอความรู้หน่อยครับ

    ตอบลบ
  3. ผมอยากรู้การคำนวนขาแข็งขาอ่อนชั้นลึกลงไปมันกระทบยอดขึ้นมาสายงานชั้นบนยังไงครับผมขอความรู้หน่อยครับ

    ตอบลบ
  4. ข้างอ่อน คูณ 30% ข้างแข็ง10% balland ทีมอ่อน ที่เหลือทีมแข็งไม่ล้าง เอาไว้คำนวนวันพรุ่งนี้ต่อ ไม่ล้างเหมือนบริษัทอื่กน นี่คือ PGP Gold star

    ตอบลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ